วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

The Last Emperor



ชอบมากครับสำหรับ base true story มันให้ความรู้สึกร่วมได้ดีกว่าเรื่องที่แต่งขึ้นมา แม้ว่าเรื่องนี้จะโดนพรรคคอมมิวนิสต์จีนบิดเบือนข้อมูลไปอย่างมากก็ตาม
ชีวประวัติของ ปูยี หรือ ฟู่อี้ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีน ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายเรื่องด้วยกันและที่ดังที่สุดคงเป็นเวอร์ชั่นฝรั่งสร้าง The Last Emperor กำกับโดย Bernardo Bertolucci ผู้รับบทเป็นอ้ายซินเจียหลอปูยี คือ จอห์น โลน ซึ่งเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ ถึง 9 รางวัลด้วยกัน
หนังเริ่มต้นที่ ปูยี ถูกส่งตัวจากรัสเซียมายังจีน และถูกสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ หนังจะเล่าสลับฉากถึงอดีตของปูยี ด้วยฉากอลังการของวังต้องห้าม เด็กน้อยปูยีก็พบกับซูสีไทเฮา ซึ่งเป็นผู้เรียกตัวเขาเข้าวัง หลังจากนั้นชีวิตของเด็กน้อยก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเด็กน้อยได้กลายเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดของจีน
การเป็นจักรพรรดินั้นเหมือนถูกจองจำไม่มีผิด "จักรพรรดิเป็นชาวจีนเพียงคนเดียวที่ออกจากบ้านตัวเองไม่ได้" นี่คือคำกล่าวของ เรจินัลด์ จอห์นสตัน พระอาจารย์ชาวสก็อตแลนด์ ที่กล่าวไว้ในภาพยนตร์ มารดาของปูยีเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึง คำกล่าวนี้ได้ดีที่สุด ฉากที่สะเทือนใจผู้ชม 2 ฉาก คงไม่พ้น ฉากที่ปูยีน้อย ร้องหามารดาหลังจากเข้าวังต้องห้ามได้ไม่นานส่วนอีกฉากที่สำคัญคือ ฉากที่ปูยี รู้ข่าวว่ามารดาตนเสียชีวิต แต่ไม่สามารถออกจากวังไปเคารพศพได้
ชีวิตของปูยีเริ่มได้รับอิสรภาพ เมื่อออกมาจากวังต้องห้าม ฉากที่เขานั่งรถออกจากวังนั้นไม่ผิดกับนกที่ถูกปล่อยออกจากกรง เขาพาตัวเองและครอบครัวไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตญี่ปุ่นและย้ายไปที่ เทียนสิน ที่นั่นเขาได้เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น เฮนรี่ ปูยี
ต่อมาปูยีได้ตอบรับคำเชิญจากญี่ปุ่นให้ไปเป็นจักรพรรดิที่แมนจูกัว ซึ่งเป็นจักรพรรดิภายใต้การควบคุมของรัฐบาลญี่ปุ่นและถูกรัสเซียจับกุมในเวลาต่อมา
ด้านชีวิตสมรสของปูยีนั้นไม่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน เมื่อภรรยาคนที่สอง จากไปเมื่อครั้งเขาย้ายไปอยู่เทียนสิน ภรรยาคนแรกก็มีความขัดแย้งกัน และเธอตั้งครรภ์กับคนอื่น เมื่อตอนที่เขาดำรงตำแหน่งจักรพรรดิหุ่นเชิดของแมนจูกัว

ชีวประวัติของอ้ายซินเจียหลอ ปูยี

อ้ายซินเจียหลอ ปูยี เกิดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1906 เป็นลูกขององค์ชายชุน ในปี 1908 ปูยี ถูกเรียกตัวเข้าวังต้องห้าม ซูสีไทเฮาตั้งให้เขาเป็นจักรพรรดิ และใช้ชื่อรัชสมัยว่า ซวนถง ในตอนนั้นปูยี มีอายุได้เพียง 2 ปี
ในปี 1912 การปฏิวัติซินไฮ่สำเร็จ ปูยี สละราชบังลังก์ แต่ยังอยู่ในวังต้องห้ามปูยีได้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษกับ เรจินัลด์ จอห์นสตัน ในปี 1919 โดยเดิม จอห์นสตัน ไม่ได้เป็นครู แต่เป็นบุคคลที่ทางอังกฤษส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลอังกฤษกับปูยี จอห์นสตัน มีอิทธิพลต่อความคิดหลายๆ อย่างของปูยี นอกจากนั้นเขายังเป็นคนให้ชื่อภาษาอังกฤษ และยังเสนอว่า ปูยี จำเป็นต้องสวมแว่น
ปูยี ได้ขอให้ จอห์นสตัน ช่วยตั้งชื่อเขาเป็นภาษาอังกฤษ จอห์นสตันได้ให้รายชื่อของกษัตริย์อังกฤษแก่เขา ปูยีเลือกชื่อ เฮนรี่ มาเป็นชื่อของตน และเขาได้ใช้ชื่อนี้ครั้งแรกเมื่อย้ายไปอยู่ที่เทียนสิน
เมื่ออายุ 16 ปี ปูยีได้แต่งงานกับ วานจง และ เหวินซิ่ว โดย วานจง ได้เป็น ฮองเฮา และ เหวินซิ่ว ได้เป็นสนมเอก เล่ากันว่าในครั้งแรกปูยีได้เลือก เหวินซิ่ว เป็นฮองเฮา แต่ที่ปรึกษาของปูยี เห็นว่า เหวินซิ่ว อายุเพียง 13 ปียังเด็กเกินไปจึงบังคับให้เลือก วานจง อายุ 17 ปี เป็นฮองเฮา แล้วให้เหวินซิ่วเป็นสนมเอก (บางข้อมูลว่า เป็นเพราะ ฮองเฮาวานจง เป็นเด็กของอดีตสนมของจักรพรรดิองค์ก่อนที่มีอิทธิพลต่อราชสำนัก จึงจำเป็นต้องเลือก)
ในปี 1924 เฟิงยู่เสียง ขับราชสำนักแมนจูออกจากวังต้องห้าม ปูยีได้นั่งลีมูซีนไปที่บ้านองค์ชายชุน ผู้เป็นบิดา ในครั้งนั้นคนของ เฟิงยู่เสียน มาเชคแฮนด์กับปูยี และเรียกเขาว่า นายปูยี ซึ่งนั้นเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาเช่นนี้ ปูยี ได้กล่าวถึงความรู้สึกในครั้งนั้นว่าช่วงที่เป็นจักรพรรดิเขาไม่มีอิสรภาพเลย แต่ตอนนี้เขาพบกับอิสรภาพของเขาแล้ว
จากนั้นปูยีก็พาครอบครัวไปขอความช่วยเหลือที่สถานทูตญี่ปุ่นในกรุงปักกิ่งและเขาได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่เทียนสิน ในช่วงนั้นเองเขากลายเป็นหนุ่มสังคมจัด ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวานจง หรือ อลิซาเบท เริ่มเย็นชาต่อกัน ส่วนความสัมพันธ์กับเหวินซิ่วนั้น ทั้งคู่หย่าขาดจากกันในปี 1927 โดยเหวินซิ่ว กลับไปอยู่ที่ปักกิ่งตลอดชีวิต และเธอไม่ได้แต่งงานใหม่เลย
ปี 1928 เจียงไคเช็ค ขุดสุสานของซูสีไทเฮาทำลายพระศพของพระนาง และขนสมบัติล้ำค่าไปจนเกลี้ยง ซ้ำยังเอาไข่มุกของพระนางไปประดับรองเท้าให้กับ ซ่งเหม่ยหลิง ภรรยาใหม่ เรื่องนี้ทำให้ปูยีโกรธมาก เพราะไม่เพียงแต่ลบหลู่บรรพชน ซ้ำยังเป็นการทำลายฮวงจุ้ย ตามความเชื่อของชาวแมนจูอีกด้วย ปูยีจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับญี่ปุ่น
ปี 1931 ญี่ปุ่นได้ยึดแมนจูเรียและสถาปนาประเทศแมนจูกัวขึ้น ปี 1934 ปูยีได้เป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูกัว เปลี่ยนชื่อเป็น คังเต๋อ ซึ่งก็เป็นเพียงจักรพรรดิหุ่นเชิดของญี่ปุ่น ในระหว่างนั้น วานจง ก็เริ่มมีสัมพันธ์กับองครักษ์ และติดฝิ่น
ในปี 1939 ปูยี ก็พบรักกับนักเรียนสาวชาวญี่ปุ่นวัย 17 ปี ปูยีตั้งชื่อจีนให้เธอว่า ถังอี้หลิง และได้แต่งงานกัน บางข้อมูลว่าเธอผู้นี้เป็นคนที่ญี่ปุ่นส่งมา แต่ต่อมาไม่นานอี้หลิงก็เสียชีวิตด้วยโรครากสาดน้อย มีแหล่งข้อมูลบางแห่งระบุสาเหตุการเสียชีวิตของเธอว่าเป็นเพราะถูกทางญี่ปุ่นวางยาพิษ
ต่อมาทางญี่ปุ่นก็เสนอผู้หญิงคนใหม่ให้เป็นสนมอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งปูยีก็สุ่มเลือกขึ้นมา 1คน นั่นก็คือ อี้จิน เด็กสาววัย 14 ปี ซึ่ง อี้จิน ก็แต่งงานเป็นภรรยาคนที่ 4 ของปูยี
ปี 1945 รัสเซียบุกแมนจูเรีย ปูยี พา น้องชาย หลาน 3 คน น้องเขย 2 คน หมอ 1 คน และคนใช้ 1 คน เตรียมบินไปที่ญี่ปุ่น แต่ถูกรัสเซียจับกุมได้เสียก่อน หลังจากนั้น ปูยี ก็ไม่ได้เจอ วานจง อีกเลย เธอถูกทิ้งไว้ที่สถานบำบัดผู้ติดฝิ่นที่ฉางชุน และเสียชีวิตที่นั่นเมื่ออายุ 40 ปี ส่วนอี้จิน เธออยู่ที่ฉางชุน ทำงานในห้องสมุดและแต่งงานใหม่ ส่วนเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ เดินทางโดยรถไฟก็โดนรัสเซียจับกุมกัน
ปี 1950 ปูยี ถูกส่งตัวกลับมาที่จีน ถูกสอบสวนและจำคุกถึง 9 ปีเขาได้รับการปล่อยตัว ในเดือน ธันวาคม ปี1959 และอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขาที่บ้านของบิดาในกรุงปักกิ่ง
ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับอิสระแต่แท้ที่จริงแล้วเขายังมีสภาพเป็นหุ่นเชิดของรัฐบาลจีน เขาถูกจัดหน้าที่ให้เป็นคนทำสวนของสถาบันพฤกษศาสตร์ เพื่อสร้างภาพให้กับคอมมิวนิสต์ ต่อมาในปี 1962 เขาแต่งงานใหม่กับ หลี่ซู่เสียน นางพยาบาลและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์วัย 37 ปี
ในปี 1967 ปูยี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ไต นั่นอาจจะเป็นการได้รับอิสระอย่างแท้จริงที่เขาต้องการ

ข้อมูลบางส่วนจาก



ปูยีตอนอายุ 2 ปี

องค์ชายชุน บิดาของปูยี

องค์ชายชุน ปูเจี๋ย(นั่งบนตัก) ปูยี(ยืน)

ปูยี อายุ 3 ปี

ปูยีตอนวัยรุ่น

เรจินัลด์ จอห์นสตัน พระอาจารย์ชาวสก็อตแลนด์

ปูยีกับครอบครัว

ปูยีในชุดจักรพรรดิแมนจูกัว

ปูยียามชรา

ปูยีกับฮองเฮาวานจง

ภรรยาคนที่ 1 ฮองเฮาวานจง หรือ อลิซาเบท

ภรรยาคนที่ 2 สนมเหวินซิ่ว

ภรรยาคนที่ 3 อี้หลิง

ภรรยาคนที่ 4 อี้จิน

ปูยี กับ ภรรยาคนที่ 5 หลี่ซู่เสียน
ชื่อหนัง THE LAST EMPEROR
ผู้สร้าง Jermy Thomas
ผู้กำกับ Bernardo Bertolucci
ผู้แสดง John Lone , Joan Chen , Peter O Toole . Tao Wu
เกียรติยศ 9 รางวัลออสการ์

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Saving Private Ryan








เรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจผมเลยครับชอบมากๆ ตั่งแต่ดารานำ Tom Hanks เนื้อเรื่อง และ CG เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสะสมครับ



ชื่อไทย : เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก
ปีที่เข้าฉาย : 1977
ความยาว 162 นาที

ผู้กำกับ : Steven Spielberg
นักแสดง : Tom Hank , Matt Damon , Tom Sizemore , Vin Deisel , Barry Pepper, Jeremy Davies

เรื่องย่อ : ภาพยนต์ที่จะพาคุณไปสัมผัสความเลวร้ายผ่านสายตาของทหารอเมริกันกองหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากการบุกยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ อันสุดหฤโหดแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อพบว่าพวกเขาต้องรับภารกิจพิเศษที่อันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเก่า โดยการนำของร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ที่ต้องนำลูกน้องข้ามแดนศัตรูเพื่อตามหาพลทหารเจมศ์ ไรอัน ผู้เสียพี่ชายทั้งสามไปแล้วในสงคราม หลังเผชิญกับความสูญเสีย นายทหารกลุ่มนี้ได้กังขาต่อภารกิจของตนว่าา ทำไมชีวิตของคนทั้งแปดจะต้องเสี่ยงเพื่อชีวิตขอองคนๆเดียว ท่ามกลางสงครามที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย แต่ละคนต่างค้นพบคำตอบและร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อชัยชนะเหนืออนาคตอันไม่เที่ยง ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และความห้าวหาญ

CD2 http://kewlshare.com/dl/c9d4e0deed5b/saving2.3gp.html

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

we were soldiers


เป็นภาพยนตร์ base true story อีกเรื่องหนึ่งครับนำแสดงโดย เมล กิ๊ปสัน เป็นเรื่องของ G.I. ที่ไปรบสงครามเวียตนามในปี 1965 ครับ

...เรากำลังเคลื่อนทัพเข้าไปยังหุบเขามรณะ พวกคุณจะต้องคอยดูแลคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า ซึ่งขณะเดียวกันเขาก็จะคอยดูแลคุณด้วย พวกคุณจะต้องไม่ใส่ใจว่าเขาจะมีสีผิวอะไร หรือจะเอ่ยพระนามของพระเจ้าว่าอย่างไร เรากำลังเดินสู่สมรภูมิเพื่อทำศึกกับศัตรูที่มีความมุ่งมั่นและอดทนเป็นเลิศ ผมไม่สามารถให้สัญญาพวกคุณได้ว่า ผมจะนำพวกคุณกลับบ้านได้ทุกคน แต่ผมก็ขอสาบานว่าเมื่อเราเข้าสู่สมรภูมิรบ ผมจะเป็นคนแรกที่เข้าไปและจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกมา ผมจะไม่ทิ้งใครก็ตามไว้ข้างหลัง ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นหรือตายเราทั้งหมดจะกลับบ้านด้วยกัน"" ทั้งหมดเป็นคำพูดของพันเอกฮัล มัวร์ ที่ได้กล่าวไว้ต่อหน้าเหล่าทหารและครอบครัวของพวกเขา ที่อยู่ต่อหน้าเขาคือ เด็กหนุ่มที่ยังอ่อนเดียงสาต่อสงครามและชายฉกรรจ์ที่มีบาดแผลจากสงคราม ท่ามกลางผู้ที่นั่งฟังสุนทรพจน์ของมัวร์ ก็มีภรรยาของเขาที่ชื่อจูลี่รวมอยู่ด้วย เมื่อคืนนี้เธอเห็นสามีของเธอตื่นขึ้นกลางดึกเพื่ออ่านหนังสือประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับการสังหารหมู่และยุทธวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับกองพันทหารม้าที่เจ็ดของเขา อันเป็นกองพันเดียวกันกับที่พลเอกจอร์จ อาร์มสตรองเคยคุมมาแล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน ปี 1965 เวลา 10.48 น. พันเอกฮัล มัวร์ และกองพันของเขาได้ย่างกรายเข้าสู่เขตสมรภูมิในหุบเขาลาดรังหรือที่ชาวเวียดนามรู้จักกันดีในชื่อหุบเขามรณะ ด้วยความที่เป็นนายทหารที่ยึดมั่นในคำพูดนายพันมัวร์เป็นผู้ก้าวเท้าลงบนสนามรบเป็นคนแรก และได้พบว่าเขาและทหารในสังกัดของเขาประมาณ 400 คน ถูกล้อมโดยทหารเวียดนามเหนือกว่า 2,000 นาย สงครามครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสงครามที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา และถือเป็นการปะทะกันครั้งแรกระหว่างทหารฝ่ายเวียดนามเหนือและอเมริกา We were Soldiers เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่วีรกรรมของเหล่าทหารหาญที่สละชีพในศึกครั้งนั้น นอกจากนี้ยังเชิดชูในเลือดรักชาติของทหารทั้งสองฝ่าย ตลอดจนนำเสนอวีรกรรมและการเสียสละของชายหญิงทั้งที่อยู่ในแนวหน้าและแนวหลัง

ท่านที่ชอบภาพยนตร์แนวสงครามเชิญ download ได้เลยครับ

บุญเพ็งหีบเหล็ก







ประเดิมเรื่องแรกเป็นหนังไทยโบราณ ประมาณซัก 30 ปีได้ครับ "บุญเพ็งหีบเหล็ก" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริงของฆาตกรคนหนึ่ง ฆาตกรรายนี้มิได้อยู่ไกลจากเราเลยครับ เขาอยู่ในประเทศไทยนี่แหละและเป็นนักโทษรายสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทยนับจากปี2475เป็นต้นมาที่ตายไปโดยไม่มีศีรษะอยู่บนบ่า"บุญเพ็ง" หากเรียกเฉยๆ คงอาจไม่มีใครทราบได้นะครับ ว่า เขาคือใคร............................หลายคนอาจคิดว่า เขาเป็น หมอดูที่หน้าหยก กิริยานอบน้อม และมีความเฉลียวฉลาดแต่....................................!!!หากเรียกว่า "บุญเพ็ง หีบเหล็ก" หลายคนคงจะทราบดีนะครับฆาตกร ฆ่าหั่นศพหญิงสาวในย่านบางลำภู ช่วง พุทธศักราช 2461 "บุญเพ็ง" พระนอกรีตที่ถูกจับสึกเพราะทำผิดวินัยสงฆ์ต่อมาตั้งตนเป็นอาจารย์ มีคาถาอาคมทำเสน่ห์เมตตามหานิยมให้ผู้ที่เชื่อในเรื่องของคุณไสย และลงมือสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคนแล้วคนเล่าเพียงเพื่อต้องการทรัพย์สมบัติมาเป็นของตน โดยอำพรางคดีด้วยการหั่นศพใส่หีบเหล็ก และในที่สุดวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นก็แสดงอาถรรพ์ให้ทกคนได้เห็น จนในที่สุด "บุญเพ็ง" ก็ถูกจับและศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการกุดหัวเป็นคนสุดท้าย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 242 ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยในขณะที่ต่างประเทศได้ให้ความสนใจถึงขนาดตั้งฉายาของ"บุญเพ็ง หีบเหล็ก"ว่า"THE MURDERESS IRON BOX "หรือฆาตกร ผู้อำพลางด้วยหีบเหล็กย้อนรอยชีวิตฆาตกร หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ช่วงนั้นได้มีการประหารนักโทษสำคัญท่านหนึ่ง ซึ่งที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นว่า "บุญเพ็ง" ซึ่งก่อคดีฆ่าคน ตายหลายชีวิต และศพที่ "บุญเพ็ง" ฆ่านั้นก็ได้นำมาใส่หีบเหล็ก แล้วโยนทิ้งน้ำทุกครั้ง จนชาวบ้านขนานนามว่า ซึ่งนับว่า "บุญเพ็ง" เป็นนักโทษประหารคนสุดท้าย ของกรุงรัตนโกสินทร์ บุญเพ็งเดิมเป็นชายหนุ่มรูปงามนักเป็นที่เลื่องลือ และกล่าวขาน เขากำพร้าพ่อแม่แต่เล็ก อยู่กับตายาย ชื่อตาสุก และยายเพียร ซึ่งเฝ้าเลี้ยงดูอย่างทนุถนอมมา แต่ หนุ่มบุญเพ็ง ไม่เอาไหน งานการไม่อยากทำ โดยปล่อยให้ตายาย ไปทำนาตามประสา ส่วนตัวเองกลับสนใจวิชาทางด้านไสยศาตร์เวทมนต์และ ได้ไปขอเรียนวิชาอาคม กับ ตาไปล่ สัปเหร่อวัดไผ่เคาะ ผู้มีวิชาดี ทาง กำจัดภูติผี ปีศาจ และทำเสน่ห์ยาแฝด และหมอดู บุญเพ็งเรียนจบครบหลักสูตรวิชาไสยศาตร์ประเภทมนต์ดำฝังรูปฝังรอย พร้อมวิชาหมอดู นอกจากเขาจะมีรูปร่างอ้อนแอ้น เขายังมีกิริยานอบน้อม เจรจาพาทีไพเราะ จนสาว ๆ ทั้งหลายทอดสายตาให้ วิชาที่บุญเพ็งเรียนมา เป็นวิชาที่ไม่ให้คุณใคร และตาสุก ยายเพียรตระหนักดี แกคอยห้ามปราม ต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากบุญเพ็งเท่าที่ควร ต่อมาเขาได้เติบโตเป็นหนุ่ม ถูกตายายดุด่า ห้ามปรามไม่ให้เล่นวิชาไสยศาสตร์ เขาจึงทนไม่ไหว และมุ่งหน้าเข้าสู่บางลำภู ที่บางกอก (กรุงเทพฯ) มาตั้งสำนักหมอผี อยู่ในสวน ใกล้คลองบางลำภู เปิดสำนักดูหมอสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาชีวิต รับทำเมตตามหานิยม เสน่ห์ยาแฝด และไสยศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นมีคนมาหาแวะเวียนมากมาย บุญเพ็งมีคนรักชอบพอมากมายเนื่องจากเป็นคนรูปร่างดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน กับอีกด้าน ก็มีคนไม่ชอบอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ศัตรูก็ไม่น้อย ที่สำนักของเขามีหีบเหล็กโบราณ อยู่ถึง 7 ใบ ช่วงนั้นผู้หญิงได้ไปติดพัน ไปหาตอนกลางคืน และนั่งคุยจนดึกดื่น ก็ต่างตกเป็นทาสสวาทของเขาทั้งสิ้น นานวันเข้าผู้หญิงคนนั้นก็หายไปอย่างลึกลับ ไร้ร่องรอย พร้อมกับหีบเหล็กที่หายไปทีละ 1 ใบ พฤติกรรมของเขา ที่เล่นบทรักกับผู้หญิงอย่างซาดิสม์ ทารุณ จนขาดใจตาย แล้วเขาจะใช้มีดสับศพเป็นท่อน ๆ ยัดใส่หีบเหล็ก นำไปทิ้งลงคลองย่านบางลำภูเพื่อทำลายหลักฐานซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่สุดเหี้ยมโหดในสมัยนั้น ก็มีผู้หญิงคนแล้วคนเล่าที่ต้อง มาสังเวยชีวิตให้กับบุญเพ็ง คนสุดท้ายเป็นคุณนาย ที่สามีทอดทิ้ง รูปร่างดี แต่งกายทองเต็มตัว บุญเพ็งก็เสพสมแล้ว กลายเป็นขาประจำ จนกระทั่งวันหนึ่ง หญิงคนนั้นก็เกิดตั้งท้อง ยื่นคำขาดให้บุญเพ็งรับผิดชอบเป็นเมียอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งบุญเพ็งจะบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงต้อง ฆ่าหญิงคนนั้นเสีย แล้วนำศพหั่นเป็นท่อน ๆ ยัดลงหีบนำไปทิ้งลงคลองอีกเช่นเคย "และเป็นหีบใบสุดท้ายที่มี" ซึ่งหลังจากนั้นเริ่มระแคะระคาย บุญเพ็งจึงลี้ภัยที่รู้ว่าจะมาหาตัว หนีไปบวชเป็นพระที่วัดแถวอยุธยา หลังจากนั้นซึ่งไม่รู้ว่าเป็น กรรมเวรอะไร ทำให้บุญเพ็งต้องสึกออกมาเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงที่หมายปอง และคืนนั้นเองที่ ยังไม่ทันจะได้ถึงสวรรค์ ก็มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาล้อมจับไว้อย่างละม่อมในข้อหา ฆ่าคนตายอย่างเหี้ยมโหด เรื่องราวทั้งหมดสืบเนื่องมาจากได้มีชาวบ้านไปทอดแห แล้วเจอหีบทั้ง 7 ใบ ในนั้นมีซากศพเป็นท่อน ๆ อยู่ในหีบทุกใบ จึงต้องโทษ และถูกตัดสิน โดยการประหารชีวิต เป็นการลงโทษที่หนักที่สุด ซึ่งในช่วงประหารชีวิตนั้นได้มีผู้คนมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่ว่าไม่มีญาติของบุญเพ็งเลยสักคน แม้กระทั่งเจ้าสาวซึ่งยังไม่ทัน จะส่งตัวเข้าห้องหอ ก็ไม่มา แต่.................. มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยครับ เนื่องจากระหว่างที่นายบาปเพ็ง เอ้ย.............บุญเพ็งจะถูกประหารเนี่ย ในช่วงประหารชีวิตนั้นเอง เพชรฆาต รำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะ ขาดเลือดพุ่งกระฉูด กลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลย จนเพชรฆาตรพูดว่า "มึงมีอะไรดี ให้เอาออกเสียเถอะ" หลังจากนั้นเพชรฆาต ก็เอาพระเขวี้ยงทิ้งไปในกอไผ่ คราวนี้รำดาบใหม่ ดาบหน้ารำจนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นดาบหลังฟันดัง ฉับ!!!! คราวนี้ คอขาด หัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวีดว้ายระงม เพราะ................ว่าๆกันว่า ขณะที่ศีรษะถูกคมดาบของเพชรฆาตฟันฉับนั้น ในช่วงวินาทีสั้นๆ ชาวบ้านหลายคนได้เห็นมุมปากของบุญเพ็ง ขมุบขมิบเหมือนท่องคาถาอะไรสักอย่าง ซึ่งว่ากันว่า อาจจะเป็นไพ่ตาย คุณไสย์ครั้งสุดท้ายของเขาเผื่อจะป้องกันชีวิตของเขาได้ครับ แต่ผมว่าของดีของบุญเพ็งน่าจะเสื่อมไปนานแล้วละครับ เพราะผู้หญิงกับคุณไสย ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ของดีเช่นคาถา อาคมของเขาจึงเสื่อมด้วยประการฉะนี้ ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถ์วัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลลุงบุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคลาง และเข้าใจว่าวิญญาณของเขายังไม่ได้ไปผุดไปเกิด จนถึงทุกวันนี้เพื่อไถ่บาปอีกนับร้อนนับพันปี นับว่าเขาคือ นักโทษคนสุดท้ายที่ได้รับโทษประหารชีวิตด้วยการบั่นศีรษะ และบุญเพ็ง คือ ฆาตกรฆ่าหั่นศพคนแรกของเมืองสยาม สิ่งที่ทำให้บุญเพ็ง หีบเหล็ก ได้กระทำความผิดนั้น มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ *กิเลส* ในจิตใจของเขานั่นเอง มนต์ดำ คือของนอกรีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นสิ่งที่คอยผูกมัดมนุษย์ด้วยความกลัว ความโลภ ความหลง และสิ่งที่เขาได้รับเป็นผลตอบแทนจากกรรมของเขา จะเป็นบทเรียนที่สำคัญให้แก่นักเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำนอกรีต ดังนั้น ประวัติของบุญเพ็ง หีบเหล็ก จึงจบลงด้วยประการนี้ครับ........................................
เรื่องนี้มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ถึง 2 ครั้งในปี 2510 และ 2523 โดยผู้กำกับ พยุง พยกุล คนเดียวกัน และมีดารานำคือ สมบัติ เมทะนี และ ปริศนา ชบาไพร นำแสดง ต่างกันตรงดารารอง โดยปี 2510 มีแมน ธีระพล และดาวยั่ว ชฏาพร วชิรปราณี แสดง และในปี 2523 มี ไพโรจน์ ใจสิงห์ และ สุพรรณี จิตต์เที่ยง, ลลิตา กระแสนิธิ
เขียนซะยาวเหยียดเลย เอาไปนว่าลอง download ไปชมกันเลยครับ

ทักทายกันก่อน

โผล่มาอีก blog นึงนะครับเป็น blog สำหรับคนชอบดูหนัง เฉพาะในโทรศัพท์มือถือนะครับ แต่ถ้าจะเอาไปดูบนคอมพิวเตอร์ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพียงแต่มันจะไม่ชัดเอามากๆ จนดูไม่รู้เรื่องน่ะครับ ผมชอบมีหนังติดโทรศัพท์เอาไว้ดูเวลาว่างๆ มันสะดวกดีครับ ผมทำเป็น file .3gp เพราะมีขนาดเล็กไม่เปลืองหน่วยความจำของโทรศัพท์ หนังทั้งเรื่องขนาดความจำ 1.5 GB พอทำเป็น .3gp เหลือแค่ 40 กว่า MB เท่านั้นเองครับเท่ากับ file เพลง mp3 ประมาณ 10 เพลงเท่านั้น ผมจะ upload file เอาไว้ download กันเอาเองนะครับ หนังที่ผมทำอาจจะถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้างก็ต้องขออภัย เพราะผมต้องคัดเลือกทำเฉพาะเรื่องที่ไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ครับ เดี๋ยวโดนจับขึ้นมาจะไม่คุ้มกัน อยากดูเรื่องไหน ment ทิ้งไว้นะครับถ้าผมหาได้ และไม่ติดเรื่องลิขสิทธิ์ผมจะทำให้ครับ